บางคนนึกถึงคำว่า ความฝัน (นอนหลับแล้วฝัน) อันนั้นก็เป็นอีกหนึ่งความหมาย ที่หมายถึง การฝันจากจิตใต้สำนึกของคนเราเมื่อเวลานอนหลับ แต่ที่จะพูด ในที่นี้คือ ความฝันในสิ่งที่เราอยากทำหรือต้องการที่จะให้มันเป็นจริง เช่นถ้าเราอ้วนแต่เราต้องการผอม ก็ต้องตั้งใจและพยายามเพื่อลดมันให้ได้ หาวิธีการออกกำลังกาย คุมอาหาร หรือง่ายๆก็ดูดไขมันออก แต่ก็ต้องใช้เงินมากพอสมควรก็ต้องพยายามหาเพื่อความเพอเฟคของตัวเอง อันนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เรียกว่าความฝันนะ ความฝันในความคิดคนมีเยอะแยะมากมาย อยู่ที่ความชอบ ความสนใจ และความถนัด บางบ้านก็ส่งลูกเรียนในแบบที่ลูกต้องการ แต่บางบ้านก็ส่งลูกเรียนในแบบที่พ่อแม่หวังไว้ หรือ บางคนอาจถูกปลูกฝังว่าต้องเรียนตามสายงานเพื่อธุรกิจของที่บ้าน บางครั้งการผลักดันใครแบบนี้ก็ทำให้คนๆนั้น ไม่มีความสุข หรือ จมกับความทุกข์ได้ เพราะคนบางคนก็ไม่ได้ชอบสิ่งที่พ่อแม่ปูทางไว้ให้ แต่บางคนก็ไม่สามารถที่จะพูดมันออกมาได้ จึงทำให้รู้สึกเก็บกด และจิตใจย่ำแย่ ความฝันบางครั้งก็พูดยาก เพราะสิ่งที่เราฝัน เราจะไม่ฝันมันเพียงเรื่องเดียว แต่ความฝันมันแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามจินตนาการของคนเรา อาทิ เช่น โรงเรียนที่อยากเข้า อาชีพการงาน อนาคต สิ่งที่ต้องการ คนที่ชื่นชอบ คนรัก ฯลฯ

แต่อันดับ1 ที่ถูกปลูกฝังว่ามันคือความฝันของฉันที่แท้จริงคือ อาชีพ ในสมัยเด็กๆคุณครูมักจะถามเสมอว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร เด็กๆก็มักจะชอบจินตนาการไปเรื่อยว่า อยากเป็นนู่น อยากเป็นนี่ แต่เด็กบางคนพูดออกมาแบบไหน ก็ตั้งใจที่จะไปทางนั้น และเป็นจริงอย่างที่หวัง แต่มันก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจ กำลังในการส่งเรียนของผู้ปกครอง และความสามารถของแต่ละบุคคล บางคนมีครอบครัวที่ไม่สามารถส่งเรียนนั้นๆได้ เพราะกำลังทรัพย์ไม่เพียงพอ แต่ด้วยความพยายาม อดทน และตั้งใจ ก็สามารถแตะความฝันที่ตัวเองฝันได้ ถ้าไม่ถอยกับมันซะก่อน คำว่าความฝันอยู่ไม่ไกลตัวเราหรอก ถ้าเรามีความมุ่งมั่นมากพอ ความฝันในที่นี้คือฝันที่สามารถเป็นไปได้ และไม่สูงเกินกำลังของตนเองมากเกินไป บางคนฝันไปไกลกว่าความเป็นไปได้ก็อาจทำให้ผิดหวังได้ แต่อย่ากลัวที่จะฝัน เพราะความฝันนี่แหล่ะ คือตัวผลักดันให้เราอยากที่จะพัฒนาไม่ต้องดูดไขมัน คือความสามารถและเป็นแนวทางให้เราเดินหน้าเพื่อแนวทางที่ตนหวังไว้

เด็กบางคนโชคดีที่เกิดมามีฐานะ เงินพร้อม พ่อแม่ปูทางให้พร้อม อยากทำไรทำ ยอมเสียค่าเรียนพิเศษแพงๆ เพื่ออนาคตของลูกตัวเอง ก็เป็นส่วนหนึ่งที่สามารถคว้าความฝันมาได้แบบง่ายๆ แต่ก็ขึ้นอยู่กับส่วนบุคคล แต่บางคนมีเงินซื้อเส้นสาย นอนเฉยๆเขาก็สามารถคว้าสิ่งที่เขาต้องการมาได้แบบสบายๆ ยุคสมัยนี้เงินสามารถซื้อได้ทุกอย่าง แม้แต่ความเป็นคน ก็ย่อมแพ้ทางเงิน แต่อันตรงข้าม เด็กที่เขาต้องลุกขึ้นสู้ด้วยความสามารถของตัวเอง ก็ย่อมเสียเปรียบกว่าอยู่แล้ว ในหลายๆด้าน บางคนพยายามมากแล้ว แต่ก็แพ้คนมีอำนาจ หรือ คนรวยอยู่ดี แต่ให้คิดไว้เสมอว่า เรามีศักดิ์ศรีความเป็นคนมากพอ เรามีความสามารถมากพอ เขาได้มันเราก็ต้องถอย แต่อย่าได้ท้อ ถ้าเรามีวิชาความรู้ที่ตนเรียนมาล่ะก็ ลองพยายามอีกสักนิดแล้วหาแนวทางการแก้ไขของปัญหานี้ มองข้ามความต้องการไปก่อน และมองย้อนถึงชัยชนะว่าถ้าเราสามารถ ทำให้ใครหลายๆคนยอมรับและเห็นมันได้ว่าเราก็ทำได้ ก็ถือว่าเราวิ่งมาครึ่งทางสู่ความสำเร็จแล้ว แค่เราอดทนกับมันอีกนิด ฟันฝ่าอุปสรรคมาได้ ไม่อยู่ภายใต้ของอำนาจเส้นสายหรือเงินอันแสนสกปรก แม้สิ่งที่เราได้มาอาจจะไม่ใช่ความฝันโดยตรง แต่คนเราก็มักจะมีทางเลือกสำรองเสมอ ลองเปลี่ยนจุดความฝันอันสำรองเป็นเส้นชัย ในเมื่อเราแพ้ในความฝันหลัก ขอให้รู้ไว้ว่า คว้าอันหลักอันรองไม่สำคัญ สำคัญที่ว่า เราแฮปปี้กับมันแค่นั้นพอ เมื่อเราได้ตัวรอง ตัวหลักก็อยู่เพียงแค่เอื้อม หรือ ก้าวกระโดดฝ่าตัวหลัก และอยู่เหนือกว่ามันให้ได้ ความสำเร็จมันรออยู่ตรงหน้าเสมอแค่เราต้องใช้เวลา กัดฟันสู้ และอดทน

แม้จะมีอุปสรรคมากมาย บางครั้งก็ทำให้เราเหนื่อย เราท้อ หมดหวัง อยากจะหันหลังหนี และคุกเข่าร้องไห้ ให้กับมัน ก็อยากให้มองถึงคนที่เขาลำบากกว่าเรา คนที่เขามีความฝันแต่ไม่สามารถทำมันได้ หรือบางคนที่เขาลำบากถึงขั้นมองความฝันตัวเองไม่ออกเลยว่าตัวเองอยากที่จะเป็นอะไร ทำอะไร หรือบางคนหมดหวังเพราะพิการ แต่ก็มีคนพิการหลายๆคน สู้เพื่อสานฝัน และเราหล่ะที่มีครบ32 ทำไมถึงยอมแพ้ง่ายๆ เข้าใจว่าจิตใจบางคนเซนซิทีฟง่ายเกินไปกับอุปสรรค แม้ว่าอุปสรรคนี้จะแสบสาหัสขนาดไหน มีคนดูถูก เหยียดหยาม มามากขนาดไหน อยากให้บอกกับตัวเองเสมอว่า อดทนและมีสติกับมันให้มากๆ อย่าหยุดที่จะพัฒนาตัวเอง โชคชะตาคนเราคงไม่แย่ไปตลอดชีวิตหรอกนะ มีขึ้นมีลง เป็นเรื่องธรรมดา นึกถึงครอบครัว คนที่เรารักและความฝันของตัวเองไว้ อุปสรรคเราต้องพร้อมฟันฝ่า และพังกำแพงการโดน ดูถูก เหยียดหยาม บวกกับความลำบาก นี้ไปให้ได้ ทิ้งรอยน้ำตาที่เราเคยเสียไปและเริ่มมันใหม่ สานใหม่ ถ้าเราทำได้ ความสำเร็จก็อยู่แค่เอื้อม